อาการท้องอืดเป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในระหว่างตั้งครรภ์ แล้วหญิงตั้งครรภ์จะจัดการกับอาการท้องอืดได้อย่างไร? ส่วนใหญ่คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์จะประสบกับอาการท้องอืดหรือกรดไหลย้อนในระหว่างตั้งครรภ์ เพื่อบรรเทาอาการท้องอืด ลองออกกำลังกายเบา ๆ และกินอาหารที่มีเส้นใยสูง
อาการท้องอืดเป็นภาวะที่หญิงตั้งครรภ์จะพบตลอด 9 เดือนของการตั้งครรภ์ ในบทความนี้ WiliMedia จะสำรวจสาเหตุและวิธีการรักษาภาวะนี้

อาการท้องอืดระหว่างตั้งครรภ์: สาเหตุและวิธีดูแล
1. อะไรทำให้เกิดอาการท้องอืดในหญิงตั้งครรภ์?
อาการท้องอืดและท้องเฟ้อระหว่างตั้งครรภ์อาจเกิดจากหลายปัจจัย:
การเปลี่ยนแปลงด้านอาหารและฮอร์โมน: ในระหว่างตั้งครรภ์ การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้กล้ามเนื้อทางเดินอาหารผ่อนคลาย ซึ่งส่งผลต่อกระบวนการย่อยอาหารและเพิ่มความเป็นไปได้ของกรดไหลย้อน
การเปลี่ยนแปลงขนาดมดลูก: เมื่อมดลูกขยายตัวขึ้น อาจกดทับกระเพาะอาหาร โดยเฉพาะในระยะหลังของการตั้งครรภ์ ซึ่งอาจทำให้เกิดการปล่อยแก๊สในลำไส้ ทำให้เกิดอาการท้องอืดและไม่สบายท้อง
แก๊สและลมในท้อง: หญิงตั้งครรภ์มักประสบกับอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ท้องผูก และผลของฮอร์โมนเช่น รีแลกซินและโปรเจสเตอโรน ซึ่งผ่อนคลายกล้ามเนื้อเชิงกรานในระหว่างการคลอด
อาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ: การบริโภคอาหารแปรรูป รสเผ็ด หรือมัน อาจทำให้เกิดอาการท้องอืดในระหว่างตั้งครรภ์
น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น: ความอยากอาหารที่เพิ่มขึ้นและความหิวบ่อย ๆ ในระหว่างตั้งครรภ์อาจนำไปสู่การกินมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการท้องอืด
ท้องผูกระหว่างตั้งครรภ์: ทารกในครรภ์ดูดซับน้ำจากอาหารในลำไส้ ทำให้มีอุจจาระแห้งขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป การสะสมของอุจจาระในไส้ตรงอาจทำให้เกิดอาการท้องอืด แก๊ส และท้องผูก
เบาหวานขณะตั้งครรภ์: ภาวะนี้อาจทำให้เกิดอาการย่อยอาหารไม่ดี ท้องอืด และคลื่นไส้
การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งและกระบวนการย่อยอาหาร: การเจริญเติบโตของทารกในครรภ์เปลี่ยนตำแหน่งและแรงกดดันของอวัยวะย่อยอาหาร ทำให้เกิดอาการท้องอืดและย่อยอาหารไม่ดี
เมื่อมีอาการท้องอืด หญิงตั้งครรภ์ควรใช้วิธีการรักษาบางอย่างเพื่อปรับปรุงภาวะนี้อย่างรวดเร็ว
2. อาการของท้องอืดในหญิงตั้งครรภ์
หญิงตั้งครรภ์สามารถระบุอาการท้องอืดได้โดยการสังเกตอาการดังต่อไปนี้:
ความรู้สึกแน่นและอิ่มในท้อง
หายใจลำบาก
อาการร้อนและย่อยอาหารไม่ดี
ท้องผูก
เบื่ออาหารเนื่องจากกินมากเกินไป

3. อาการท้องอืดเป็นอันตรายต่อหญิงตั้งครรภ์หรือไม่?
แพทย์กล่าวว่าอาการท้องอืดในระหว่างตั้งครรภ์เป็นเรื่องปกติ แม้ว่าจะทำให้รู้สึกไม่สบาย แต่ก็ไม่จำเป็นต้องกังวล หญิงตั้งครรภ์ผ่านการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างและอาจรู้สึกไม่สบายตลอดการตั้งครรภ์ หากมีอาการท้องอืด ควรสังเกตอาการเป็นเวลา 2-3 วัน
เช่นเดียวกับอาการจุกเสียดและปวดหลัง อาการท้องอืดทำให้รู้สึกไม่สบายแต่โดยทั่วไปจะไม่ส่งผลกระทบต่อทารกในครรภ์และจะลดลงเมื่อดำเนินมาตรการที่เหมาะสม
หญิงตั้งครรภ์ควรพบแพทย์ทันทีหากอาการท้องอืดไม่ดีขึ้นหลังจาก 2 วันและนำไปสู่การเบื่ออาหารหรืออ่อนเพลีย เนื่องจากอาจส่งผลต่อพัฒนาการของทารกในครรภ์ อาการเหล่านี้อาจบ่งชี้ถึงภาวะพื้นฐานที่รุนแรงมากขึ้น
4. เคล็ดลับในการรักษาอาการท้องอืดในหญิงตั้งครรภ์
นี่คือวิธีการง่าย ๆ และปลอดภัยในการรักษาอาการท้องอืดในหญิงตั้งครรภ์ที่สามารถลองทำที่บ้านได้:
4.1. ดื่มน้ำมะนาวเพื่อย่อยอาหารไม่ดี
มะนาวมีประโยชน์ในการรักษาอาการท้องอืด การดื่มน้ำมะนาวอุ่นก่อนมื้ออาหารสามารถช่วยปรับปรุงความเป็นกรดของกระเพาะอาหารและลดอาการท้องอืด
4.2. บริโภคโยเกิร์ตมากขึ้น
หญิงตั้งครรภ์สามารถกินโยเกิร์ตเพื่อลดอาการท้องอืดได้ เพราะโยเกิร์ตมีแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์หลายชนิดที่ช่วยย่อยอาหารได้ง่ายขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้โยเกิร์ตเย็นส่งผลต่อร่างกาย ให้วางโยเกิร์ตนอกตู้เย็นประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนรับประทาน
4.3. หลีกเลี่ยงอาหารที่ย่อยยาก
หญิงตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงอาหารทอด มัน และเผ็ดที่สามารถทำให้เกิดอาการท้องอืดและย่อยอาหารไม่ดี
4.4. ประคบเย็น
หญิงตั้งครรภ์สามารถประคบเย็นบนท้องได้อย่างน้อยครึ่งชั่วโมงหลังมื้ออาหารหากมีอาการเรอหรือท้องอืด นี่จะได้ผลดี นอกจากนี้พวกเธอยังสามารถอาบน้ำเย็นเพื่อผ่อนคลาย
4.5. กินมื้อเล็กแต่บ่อย
การกินมื้อใหญ่สามารถทำให้กระเพาะอาหารมีแรงกดดันและขัดขวางการย่อยอาหาร ทำให้เกิดอาการท้องอืดและเรออย่างต่อเนื่อง ดังนั้นหญิงตั้งครรภ์ควรกินมื้อเล็กและบ่อย และเคี้ยวอาหารให้ละเอียด
4.6. ออกกำลังกายทุกวัน
การขาดการเคลื่อนไหวทางกายสามารถทำให้รู้สึกหนักในท้อง การย่อยอาหารไม่สมบูรณ์ และอ่อนเพลีย ซึ่งทำให้เกิดอาการท้องอืดและย่อยอาหารไม่ดี การออกกำลังกายเบา ๆ เช่น การเดินหรือโยคะสามารถช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ได้

5. เครื่องดื่มที่แนะนำสำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่มีอาการย่อยอาหารไม่ดี
คำถามที่ว่า "หญิงตั้งครรภ์ควรทำอย่างไรหากมีอาการย่อยอาหารไม่ดี?" เป็นคำถามที่สำคัญมากเมื่อเผชิญกับภาวะนี้ เมื่อหญิงตั้งครรภ์มีอาการท้องอืดและท้องเฟ้อ พวกเธอควรดื่มเครื่องดื่มดังต่อไปนี้:
น้ำ: ให้แน่ใจว่าคุณดื่มน้ำเพียงพอโดยดื่มน้ำอย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน น้ำเมล็ดเฟนูกรีกยังสามารถช่วยลดอาการท้องอืดได้
น้ำแครอท: น้ำแครอทสามารถช่วยบรรเทาอาการท้องอืดได้ หรือเตรียมซุปแครอทแบบบางเพื่อให้ได้ผลเช่นเดียวกัน
มะละกอและอาหารที่มีเส้นใยสูง: การบริโภคมะละกอสุกและอาหารที่มีเส้นใยสูงสามารถปรับปรุงการย่อยอาหารและลดอาการท้องอืด
ขมิ้น: การเติมขมิ้นสดในอาหารสามารถช่วยบรรเทาอาการท้องอืดได้

6. อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อมีอาการย่อยอาหารไม่ดี
หญิงตั้งครรภ์ควรหลีกเลี่ยงอาหารต่อไปนี้หากมีอาการท้องอืด:
น้ำตาลทรายขาว: การกำจัดอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลทรายขาวสามารถลดอาการท้องอืดได้
อาหารที่ทำให้เกิดแก๊ส: เครื่องดื่มอัดลม ถั่ว หัวหอม อาหารทอด อาหารจานด่วน และอาหารเผ็ดสามารถทำให้เกิดอาการท้องอืดได้
ผลิตภัณฑ์นมที่มีแลคโตส: ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถย่อยแลคโตสได้ หากการไม่ทนทานต่อแลคโตสทำให้เกิดอาการท้องอืด ให้เลือกทางเลือกที่ไม่มีแลคโตส
อาหารหมัก: อาหารเช่น หัวหอมดอง ผักดอง และกะหล่ำปลีดองสามารถเพิ่มกรดในกระเพาะอาหารและทำให้เกิดอาการท้องอืดและเรอได้
เคล็ดลับการกินและการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพสำหรับหญิงตั้งครรภ์
กินมื้อเล็กแต่บ่อยและเคี้ยวอาหารให้ละเอียด
สวมใส่เสื้อผ้าที่หลวมและยืดหยุ่น
ออกกำลังกายเบา ๆ
นวดท้องเบา ๆ
รักษาทัศนคติเชิงบวกและผ่อนคลายเพื่อลดความเครียด
หลีกเลี่ยงนิสัยที่ไม่ดีเช่น การนอนดึก การสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์และชา
สรุป
อาการย่อยอาหารไม่ดี ท้องอืด และท้องเฟ้อเป็นเรื่องปกติในหญิงตั้งครรภ์ ความไม่สบายเหล่านี้สามารถจัดการได้ด้วยวิธีการง่าย ๆ ที่กล่าวถึงข้างต้น หากอาการยังคงอยู่ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยและการรักษาเบื้องต้น ความไม่สบายที่ยาวนานอาจทำให้เบื่ออาหารและอ่อนเพลีย ส่งผลต่อโภชนาการของทารก
หญิงตั้งครรภ์ควรดูแลร่างกายให้ดีในระหว่างตั้งครรภ์และตรวจสุขภาพเป็นประจำเพื่อติดตามสุขภาพและพัฒนาการของทารกในครรภ์
เว็บไซต์: https://wilimedia.co/
แฟนเพจ: https://www.facebook.com/wilimedia.en
อีเมล: support@wilimedia.co