สารบัญ

ตอนอายุ 29 ฉันได้รู้ว่าผู้หญิงขี้เหร่จะไม่ได้รับของขวัญ

ในชีวิตสมัยใหม่ ผู้หญิงอย่างเราต้องเผชิญกับแรงกดดันมากมายจากสังคม ครอบครัว และแม้แต่ตัวเราเอง หนึ่งในแรงกดดันเหล่านั้นคือการต้องรักษารูปลักษณ์ให้ดูน่าดึงดูด เพื่อให้ได้รับความเคารพและความรัก คำพูดที่ว่า “ผู้หญิงขี้เหร่ไม่ได้ของขวัญ” ไม่ใช่แค่เรื่องตลก แต่ยังสะท้อนความจริงที่ว่าสังคมประเมินค่าและปฏิบัติต่อผู้หญิงอย่างไร

ฉันชื่อ ViVi ตั้งแต่เด็กฉันก็รู้แล้วว่าผู้หญิงที่สวยมักจะได้รับความสนใจและความเอื้อเฟื้อเป็นพิเศษ ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่มีความสวยโดดเด่น ใบหน้าของฉันไม่ตรงตามมาตรฐานความงามแบบดั้งเดิม: ตาของฉันไม่โตและกลม ผิวของฉันไม่ขาวและเรียบเนียน และรูปร่างของฉันก็ไม่ผอมเพรียว

ทั้งหมดนี้ทำให้ฉันกลายเป็นคนที่ไม่มีใครมองเห็น เมื่อฉันเดินเข้าไปในห้อง ไม่มีใครสังเกตเห็น และนั่นส่งผลอย่างลึกซึ้งต่อความภาคภูมิใจในตัวเองของฉัน

ตอนอายุ 29 ฉันได้รู้ว่าผู้หญิงขี้เหร่จะไม่ได้รับของขวัญ
ตอนอายุ 29 ฉันได้รู้ว่าผู้หญิงขี้เหร่จะไม่ได้รับของขวัญ

1. ตั้งแต่ฉันยังเป็นเด็ก...

ฉันจำได้ว่าในสมัยเรียน เด็กผู้หญิงที่หน้าตาดีมักได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากเด็กผู้ชาย พวกเธอได้รับคำเชิญออกไปเที่ยว ได้รับของขวัญ และได้รับความใส่ใจที่ฉันไม่เคยมี ฉันมักจะรู้สึกเหมือนเป็นคนล่องหน อยู่ข้างๆวงสนทนาและกิจกรรมต่างๆเสมอ

แม้ว่าฉันจะพยายามเรียนหนังสือให้ดี และเข้าร่วมกิจกรรมนอกหลักสูตรมากมายเพื่อยืนยันตัวตนของฉัน แต่ความพยายามเหล่านั้นก็ดูเหมือนไม่เพียงพอที่จะชดเชยข้อเสียเรื่องรูปลักษณ์

2. เมื่อฉันเติบโตขึ้น...

เมื่อโตขึ้น ฉันก็ตระหนักว่าโลกนี้ไม่ยุติธรรม และความงามคือหนึ่งในปัจจัยที่กำหนดความสำเร็จและความสุขของผู้หญิง ฉันเริ่มหมกมุ่นกับรูปลักษณ์ของตัวเอง ฉันใช้เวลาและเงินมากมายไปกับรูปลักษณ์ของตัวเอง ตั้งแต่ซื้อเครื่องสำอาง เสื้อผ้าแพงๆ ไปจนถึงลองไดเอตหลายแบบ

ฉันหวังว่าสักวันฉันจะกลายเป็นคนสวยและได้รับการยอมรับจากสังคม แต่ในความเป็นจริง มันไม่ได้เกิดขึ้นตามที่คาดหวังเสมอไป

การทำงานก็เป็นอีกด้านหนึ่งที่ฉันรู้สึกได้ชัดเจนถึงการถูกเลือกปฏิบัติเพราะรูปลักษณ์ แม้ว่าฉันจะทำงานหนักและประสบความสำเร็จหลายอย่างในหน้าที่การงาน แต่ฉันก็ยังรู้สึกว่าตัวเองถูกประเมินค่าต่ำกว่าคนที่หน้าตาดี ฉันจำได้ว่าครั้งหนึ่งบริษัทของฉันจัดอีเวนต์ใหญ่ ผู้ที่รับผิดชอบเลือกเพื่อนร่วมงานหญิงที่สวยคนหนึ่งให้เป็นตัวแทนของบริษัท ทั้งที่เธอไม่มีประสบการณ์เท่าฉันเลย เรื่องนี้ทำให้ฉันรู้สึกผิดหวังและไม่มั่นใจอย่างยิ่ง

สิ่งนั้นทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดและหงุดหงิด ฉันสงสัยว่าฉันถูกมองข้ามเพียงเพราะรูปลักษณ์ หรือความพยายามและความสามารถของฉันยังไม่พอ

ตอนอายุ 29 ฉันได้รู้ว่าผู้หญิงขี้เหร่จะไม่ได้รับของขวัญ

ตอนอายุ 29 ฉันได้รู้ว่าผู้หญิงขี้เหร่จะไม่ได้รับของขวัญ

3. เรื่องราวของผู้หญิงที่ไม่สวยในชีวิตจริง

ตัวอย่างที่ชัดเจนคือตัวอย่างของ Alva เพื่อนสนิทของฉัน Alva ก็ไม่ใช่คนที่มีรูปลักษณ์โดดเด่น แต่เธอฉลาดและมีพรสวรรค์มาก หลังจากจบมหาวิทยาลัยด้วยผลการเรียนยอดเยี่ยม Alva ก็ยังเจอปัญหาในการหางานที่เหมาะสม เธอเคยสารภาพว่าไปสัมภาษณ์งานมาหลายสิบครั้งแต่ก็ยังไม่ได้รับข้อเสนอใดๆ

เธอรู้สึกว่าถูกประเมินค่าต่ำไปเพียงเพราะไม่มีรูปลักษณ์ที่สะดุดตา Alva เล่าว่าหลายครั้งที่เธอรู้สึกอยากยอมแพ้ เพราะรู้สึกว่าไม่ยุติธรรมและสูญเสียความมั่นใจในตัวเอง

อีกเรื่องที่ฉันแชร์ไว้...

Sarah ก็ไม่ได้มีรูปลักษณ์โดดเด่น และมักรู้สึกไม่มั่นใจในตัวเอง เธอเล่าให้ฉันฟังว่าในวันเกิดอายุครบ 25 ปี เธอเชิญเพื่อนสนิทกลุ่มหนึ่งมางานเลี้ยง อย่างไรก็ตาม มีแค่ไม่กี่คนที่มาร่วมงาน ที่เหลือต่างก็ปฏิเสธด้วยเหตุผลต่างๆ

Sarah พยายามยิ้มและซ่อนความเศร้าไว้ แต่เมื่อปาร์ตี้จบลง เธอกลั้นน้ำตาไม่ไหวและรู้สึกเหงาสุดๆ เรื่องของ Sarah ทำให้ฉันรู้ว่าฉันไม่ได้อยู่คนเดียวในประสบการณ์เจ็บปวดเหล่านี้

ตอนอายุ 29 ฉันได้รู้ว่าผู้หญิงขี้เหร่จะไม่ได้รับของขวัญตอนอายุ 29 ฉันได้รู้ว่าผู้หญิงขี้เหร่จะไม่ได้รับของขวัญ

4. ความจริงอันเจ็บปวด...

หนึ่งในประสบการณ์ที่ทำให้ใจฉันแตกสลายที่สุดคือช่วงที่ฉันเริ่มต้นค้นหาความรักและสร้างครอบครัว แม้เพื่อนหลายคนจะแต่งงานและมีลูกกันหมดแล้ว ฉันก็ยังคงตามหาคนที่ใช่ ฉันผ่านความสัมพันธ์มาหลายครั้ง แต่ทั้งหมดดูเหมือนจะจบลงด้วยความผิดหวัง หลายครั้ง ฉันรู้สึกว่าถูกปฏิเสธเพียงเพราะรูปลักษณ์ของฉัน

ทุกครั้ง หัวใจฉันพังลง และฉันรู้สึกหลงทางในเรื่องของความรักมากขึ้นเรื่อยๆ

ฉันยังเคยลองใช้แอปหาคู่ออนไลน์ ซึ่งผู้คนมักตัดสินกันจากรูปถ่าย คนที่หน้าตาดีมักได้รับคำเชิญเดตและทำความรู้จักมากมาย ตอนนั้นฉันต้องพยายามมาก เพื่อสร้างความประทับใจด้วยคำพูดและพฤติกรรมของฉัน ฉันรู้ว่าความงามภายในนั้นสำคัญ แต่ก็ยากที่จะไม่เศร้าเมื่อถูกปฏิเสธเพราะรูปลักษณ์

ผู้หญิงที่ขี้เหร่มักไม่ได้รับของขวัญ ซึ่งทำให้พวกเธอเสียใจ ฉันจำได้ครั้งหนึ่ง น้องชายของฉันบอกว่า: “ผู้หญิงยุคนี้ ถ้าสวย ก็มีโอกาสประสบความสำเร็จมากกว่า 50%” ความสวยในที่นี้หมายถึง “มีรูปลักษณ์ที่งดงาม”

เพื่อให้ได้แม้แต่ 1/4 ของโชคและโอกาสของผู้หญิงที่สวยและมีความสามารถ ผู้หญิงที่ไม่สวยต้องใช้ความพยายามหลายเท่ามากเพื่อให้ได้สิ่งเหล่านั้น

ใครจะไปโทษกฎธรรมชาติแห่งการอยู่รอดและการพัฒนาได้? ความสวยคือเป้าหมายของทุกคนเมื่อพวกเขามีชีวิต ทำงาน และใช้ชีวิต ไม่มีอะไรน่าแปลกใจหากผู้ชายรักด้วยสายตา ผู้ชายคนไหนที่บอกว่าไม่ชอบผู้หญิงสวย ก็ถือว่าเป็นของหายาก

ตัวอย่างเช่น ในวันหยุด ในห้องที่มีผู้หญิง 12 คน คนที่สวยที่สุดจะได้ของขวัญกองโต แม้พวกเขาไม่ใส่ใจเธอ ก็ยังโยนของขวัญให้เธอ ส่วนคนที่ไม่สวยจะถูกปล่อยให้อยู่ลำพัง ในทางตรงกันข้าม คนที่ไม่สวยมักเรียนเก่งกว่าคนสวย

พี่สาวที่แก่กว่าฉัน 3 ปีเคยพูดถึงชีวิตว่า: “คนสวยก็ทำหน้าที่ของคนสวยไป” แล้วถ้าเธอไม่สวยล่ะ? ก็แค่เรียน เรียนเพื่อปลอบใจจากความเศร้าและความอับอาย แล้วเรียนให้ดี เพื่อจะได้โอ้อวดกับคนสวย – ช่างเป็นคำพูดที่ยอดเยี่ยมจริงๆ

หลายคนหงุดหงิดเมื่อเห็นผู้หญิงที่สวยกว่า? พูดอีกอย่างคือ พวกเขาโกรธแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ มีทางเลือกเดียวเท่านั้น: ถ้าคุณไม่สวยกว่า ก็ต้องเก่งกว่า บนเส้นทางสู่ความสำเร็จของสาวสวย มีดอกไม้หอมๆมากมาย แต่บนเส้นทางของสาวขี้เหร่ มีแต่กระดาษ แว่นตา ปากกา และเกรด...เฮ้อ! มันทำให้ฉันรู้สึกสงสารจริงๆ

ตอนอายุ 29 ฉันได้รู้ว่าผู้หญิงขี้เหร่จะไม่ได้รับของขวัญตอนอายุ 29 ฉันได้รู้ว่าผู้หญิงขี้เหร่จะไม่ได้รับของขวัญ

สรุป

โดยสรุป ผู้หญิงที่ไม่มีความสวยมักไม่ได้รับของขวัญ แล้วพวกเธอจะต้องการของขวัญไปทำไม? คนที่ไม่ได้รับของขวัญก็แค่ไปซื้อเอง แทนที่จะรอให้คนอื่นให้ อย่างไรก็ตาม ไม่จำเป็นต้องกลัว “เสียหน้า” อีกต่อไป! แค่ลองเสี่ยงดู เดิมพันกับโชคชะตาของคุณ ทำไมต้องนั่งร้องไห้ สงสารตัวเองล่ะ

ทุกคนมีสิทธิ์ในความสุข ปัญหาคือ ไม่มีใครรู้วิธีใช้สิทธินั้น…

เว็บไซต์: https://wilimedia.co

แฟนเพจ: https://www.facebook.com/wilimedia.en

อีเมล: support@wilimedia.co